ผมกับคนงานช่วยกันยกช้างหินแกะสลัก อันขนาด ๒ คนยกพอไหว เพื่อไปตั้งไว้บนเสาไม้สองเสา แถวๆ เนินทางเดินลงหน้าบ้าน นี่เป็นงานสถาปัตยกรรมอย่างแรกๆ ที่ผมเริ่มทำ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่
ณ จุดที่ผมยืนพัก หลังจากยกหินแล้วทำให้ผมเหงื่อออกขึ้นมาบ้าง ผมมองออกไปเบื้องหน้า บนเนิน ผ่านต้นมะม่วง และต้นลิ้นจี่ (คิดว่าน่าจะใช่ลิ้นจี่นะ...นายหวา) ออกไปสุดสายตาของผม ผมเห็นทิวเขาอยู่ไกลๆ และอีกหลายสิ่งโดยรอบ สิ่งต่างๆ ที่ผมเห็นเบื้องหน้านั้น ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ผมยืนนิ่งอยู่ครู่ และคิดกับตัวเองอยู่ไม่นาน ผมหันไปบอกกับนายหวาที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
“ฉันจะสร้างที่นั่งเล่น ชมวิวตรงนี้”
หลังจากนั้น ผมได้สร้างระเบียงขนาด ๖ ตารางเมตร ตรงเนินหน้าบ้าน ระเบียงทำด้วยไม้แบบง่ายๆ ใช้เสา ๔ ต้น ตีคาน ปูพื้นให้อยู่ระดับเดียวกับสนามหญ้า ถึงตอนนี้ หลังจากที่เราใช้ชื่อ ม็องละวิน ผมเรียกจุดนั่งเล่น ชมวิว นี้ว่า Panoramic Deck จากการที่เรามองออกไปได้ไกลสุดลูกหู ลูกตา
“ผมเคยมีแขกคนสำคัญคู่แรก เป็นคู่ฮันนีมูน ได้ใช้ระเบียงนี้รับประทานอาหารเช้า โดยผมให้กะเหรี่ยงเป็นคนบริการเสริฟ ท่านคงเดาได้ว่าเป็นใคร ใช่แล้ว นายหวาของผมนั่นเอง ผมคิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ สามีภรรยาคู่นี้ดูจะมีความสุขกับการบริการของนายหวามาก หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ขำกับท่าทีที่ประหลาด ปนความตื่นเต้นแบบคนที่ไม่เคยเสริฟมาก่อน”
งานสถาปัตยกรรมนี้ (ฟังดูยิ่งใหญ่มาก) ความจริง ไม่ได้คิดทำตั้งแต่แรก แต่เป็นความบังเอิญที่ผมไปยืนปาดเหงื่อเห็นวิวงามๆ ตรงนั้น ซึ่งก่อนหน้านั้นผมทำทางเดินไม้ เพื่อจะให้เชื่อมจากบันไดหินหน้าบ้าน ลงไปยังลานต่ำสุดด้านล่าง ทางเดินที่ว่าเป็นไม้ มี ๓ ระดับ ลดหลั่นลงไปตามทางลาด แต่ละช่วงของจุดต่างระดับเป็นบันไดไม้เชื่อมต่อกัน จึงดูเหมือนสะพานมากกว่าทางเดินธรรมดา ผมจึงขอเรียกว่า “ทางเดินสะพานไม้” ละกัน
ระยะเวลาเดียวกันกับที่ผมสร้าง Panoramic Deck และทางเดินสะพาน ผมมีงานอื่นควบคู่กันไปด้วย ทั้งการคิดตั้งระบบน้ำ ไฟ ขยะ ขจัดสิ่งรกรุงรัง รวมทั้งการปลูกไม้ผล ไม้ดอก แต่งานสำคัญที่สุด ก็คือการสร้างบ้านพักหลังแรก ไว้สำหรับญาติมิตร เพื่อนฝูง และแขกที่มาเยี่ยมเยียน ซึ่งตอนนนี้กลายเป็น Cottage 1
บ้านนี้เป็นทรงลักษณะ Cottage ขนาดประมาณ ๘๐ ตารางเมตร รวมพื้นที่ระเบียงรอบบ้าน บ้าน ซึ่งทำด้วยปีกไม้สัก หลังคามุงด้วยแผ่นไม้ มีเพียงส่วนห้องน้ำที่เป็นปูน และเสาบ้านด้วย ในส่วนที่ฝังลงดินยึดติดกับตอม่อของบ้าน ผมตั้งใจจะสร้างหลังนี้ให้เสร็จโดยเร็ว แต่กลับใช้เวลาก่อสร้างนานจนตัวผมเองก็ไม่อยากเชื่อ มันเป็นประวัติที่ยืดยาวจนผมต้องเก็บไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น
ผมใช้ชีวิต แต่ละวันเดินตรวจสถานที่ไปรอบๆ งานก่อสร้าง จนทำให้ผมซึมซับอะไรบางส่วน จนทำให้ผมพอจะทราบว่า การสร้างบ้านนั้นเริ่มอย่างไร และจบอย่างไร ในที่สุดเกิดความฮึกเหิมนิดๆ ที่จะลองทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองกับคนงานที่มีอยู่ ผมเริ่มด้วยการลองทำม้านั่งยาวมีพนักพิง ตัวแรกผมทำเสร็จใช้เวลาสองวัน ตอนนี้มันตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านพักของผม ขามันเกนิดหน่อย เวลาที่แขกไปนั่งเล่นผมต้องคอยเตือน ผมทำตัวที่ ๒ ตัวที่ ๓ และ ๔ ก็พอใช้ได้ แต่ขาก็ยังเกอยู่ดี ม้านั่งขาเกเหล่านี้ ยังคงพบเห็นได้ตามจุดต่างๆ ทั่วไปในปัจจุบัน
ที่ผ่านมา ผมต้องใช้ไม้จำนวนพอสมควร ผมจึงสร้างโรงเก็บไม้ไว้หนึ่งหลัง ตอนนี้ยังมีให้เห็นอยู่ทางทิศตะวันออก และกระท่อมที่พักคนงานหนึ่งหลังอยู่ข้างๆ กัน นอกจากนี้ยังมีกระท่อมอีก ๓ หลังริมบ่อน้ำกลางไร่ สำหรับเป็นที่พักของแขกผู้มาเยือน ถ้ามองจากกระท่อมเหล่านี้ไปทางทิศใต้ ก็จะเห็น Deck 1, 2 และ 3 บนเนินสูง เป็นที่ตั้งของโต๊ะ และเก้าอี้นั่งเล่น ชมวิว ซึ่งต่อมา ใช้เป็นส่วนหนึ่งของ“หลังคาไม้” ที่สร้างทีหลัง อยู่ทางทิศตะวันตก