.jpg)
ก่อนจะเป็น ม็องละวิน
ในเดือนมีนาคมหลายปีก่อนหน้านี้ ผมยืนอยู่ที่ตรงนี้กลางไร่ ที่มีอาณาเขตกว่า ๑๐ ไร่ ใต้พื้นเท้าที่ผมยืนคือ หินกรวดทราย หญ้าคา และวัชพืช รอบๆ ตัวผม คือต้นไม้หลายหลากรูปทรง เบื้องบนคือดวงอาทิตย์ที่แผดแสงร้อนจ้า ไม่มีมนุษย์สักคนที่ผมมองเห็นในระยะสายตา ยกเว้นคนกะเหรี่ยงที่ชื่อ นายหวา ซึ่งเขาเป็นคนเฝ้าไร่
วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะเจ้าของ ผมรำพึงกับตัวเองว่า ตัวเองคิดถูกแล้วหรือที่คิดมาซื้อสวนผลไม้ร้างแห่งนี้
ผมมาเป็นเจ้าของเพราะความคิดโรแมนติกธรรมดาๆ ว่า มีชีวิตอยู่ในเมืองหลวง และมีไร่ และบ้านพักอยู่ต่างจังหวัดไว้พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ หมู่บ้านตะโกล่าง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ไม่ได้ไกลจากบ้านที่กรุงเทพฯ เลย
การที่จะเป็นเจ้าของสวนผลไม้ผมจะต้องรู้บางสิ่งบางอย่าง อย่างน้อยที่สุดก็ให้รู้ถึงขอบเขตของไร่ว่าอยู่ตรงไหนแน่ มีต้นไม้สักกี่ต้น ภูมิประเทศเป็นอย่างไร
ตอนนั้นเมฆตั้งเค้าเหมือนจะมีฝน ในขณะที่ผมออกเดินสำรวจไร่ ระหว่างที่นายหวาเดินนำหน้าผมไป ผมนินทาคนเฝ้าไร่ อายุ ๔๐ เศษๆ ในใจ “ถ้าเจ้าหมอนี่มีแขนยาวขึ้นอีกนิด และมีขาสั้นลงอีกหน่อย เติมขนให้ทั่วตัว มันก็คือลิงอุรังอุตังดีๆ นี่เอง”
นายหวาหันขวับมาทางผม เหมือนได้ยินสิ่งที่ผมนึกว่าเขาในใจ
“เถ้าแก่ เถ้าแก่...............” ผมจ้องนายหวา มองหน้าเขา และสะดุ้งก่อนที่เขาจะพูดจบ
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเรียกผมว่าเถ้าแก่ คำว่าเถ้าแก่คือคำที่ผมจะใช้เรียกคนอื่น ซึ่งเป็นคนจีน เจ้าของธุรกิจ กิจการร้านค้า คนที่มีฐานะดี มีศักยภาพทางการเงินสูง
ผมไม่ใช่คนจีน ไม่มีธุรกิจ เป็นแค่เพียงลูกจ้างบริษัท ผมคิดว่ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นเถ้าแก่ นายหวาเหมือนจะอ่านใจผมออก เขาถามผม “ถ้าไม่ให้เรียกเถ้าแก่ จะให้เรียกอะไรครับ......เถ้าแก่”
ผมนิ่งอยู่สักครู่....... ในขณะที่นิ่งอยู่ ก็รู้สึกเหมือนตัวลอยจากพื้น ผมรู้สึกดีอย่างประหลาด เพราะเป็นคำยกย่อง และให้เกียรติ
“เฮ้ย เรียกเถ้าแก่น่ะดีแล้ว โก้ดี” แล้วเถ้าแก่คนใหม่ก็เดินเคียงข้างไปกับคนสวนของเขา ออกไปสำรวจไร่ต่อ