ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผมเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แบบที่เป็นอยู่ ตลอดทุกวัน ทุกอาทิตย์ และทุกเดือนโดยไม่มีอาการหงอยเหงา หรือเบื่อหน่ายแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งคงอาจเป็นเพราะ สีสันที่ไม่ใช่แสงสี แต่เป็นสิ่งที่คอยขับกล่อมผมในเวลากลางคืน คือ เสียงอึ่งอ่าง คางคก แมลงนับพัน หรือแม้กระทั่งตุ๊กแก ที่ผลัดกันส่งเสียง ร้องเพลง ระงมจากป่าข้างๆ บวกกับแสงสีที่ไม่ใช่แสงไฟจากนีออนแต่อย่างใด แต่เป็นแสงไฟจากคบเพลิง เทียน และแสงจากดวงจันทร์ กับดาวที่เต็มท้องฟ้ายามค่ำ
ไม้ดอก ไม้ใบ และไม้ผล ที่ปลูกไว้ ต่างแข่งกันออกดอก ออกผล ยึดรากมั่นคง โดยทำให้ไร่ที่ผมอยู่ดูใกล้เคียงกับคำว่า “วิมาน” [Private Resort] ยังไง ยังงั้น (คิดเอง) ส่วน Cottage 1 ที่ผมบ่นถึงตลอด ก็เสร็จแล้ว แม้ว่าจะเสร็จอย่างทุลักทุเล ซึ่งตอนนี้ก็มีต้นสนมังกร คล้าแดง ขุนแผน เฟริ์น ซิการ์ และต้นแฮปปี้เนส โอบล้อมมันอยู่
ช่วงเวลาแห่งความเบิกบานที่เพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งนั้นมาจากความเจริญงอกงามของพรรณไม้ บวกกับอีกส่วน ที่มาจากบรรดาญาติมิตรที่คิดถึงผม และภรรยา ที่แวะมาเยี่ยมเยียนเมื่อพวกเขามีเวลาว่างกัน หรือแม้กระทั่งเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่แวะมาถามไถ่ สารทุกข์ สุขดิบ
ครั้งเมื่อพวกเขามาพักค้างแรม เราก็ช่วยกันทำอาหารทานกัน แล้วแต่ใครจะอยากทำอะไร อาหารบางอย่างที่เราทำกันตอนนั้น ภรรยาผมได้ใส่ไว้ในเมนูหลักของ หลังคาไม้ ตอนนี้ด้วย เช่น ปูที่เราได้จากภูเขาในป่าใกล้ๆ ก็นำมาทำปูหลน หรือหน่อไม้ที่ขุดมาได้ เราก็เอามาเผา จิ้มทานกับน้ำพริกป่าสูตรเฉพาะของเราเอง ซึ่งตอนนี้ก็คือ เมนูน้ำพริกป่าม็องละวิน แม้กระทั่งสะตอ บนต้น ก็นำมาผัดกับหมูป่าและกุ้ง ผสมกับกะปิดำ หรือแม้แต่ชะเอม ก็เอามาผัดกับน้ำมันหอย อร่อยดี ฯลฯ
เครื่องดื่มบางชนิด เราก็เอาสิ่งที่มีอยู่ผสมผเส (นั่งเทียน) คิดเป็นสูตรในแบบฉบับของเราเอง เช่น พวกน้ำผึ้งที่เรามีอยู่ ก็นำมาใช้แทนน้ำตาลทราย หรือเต้าหู้แบบญี่ปุ่น ที่ผมกับครอบครัวทานเป็นประจำ ก็นำมาเป็นเมนูสุขภาพในรูปแบบของอาหาร และเครื่องดื่ม
หรือแม้แต่ขนุน ที่ในไร่ของผมมีหลายสิบต้น จนเราต้องเอามาทำประกอบเครื่องดื่มที่เรียกว่า Mad Jackfruit (เจ้าขนุนบ้า...อร่อยจัง) หรือกล้วย (น้ำว้า, หอม...) ก็กลายเป็น B2B
และอีกหลากหลายอย่าง พบได้ในเมนูของแม่ครัวที่นี่ ภรรยาผมเอง ที่หลังคาไม้